ตลาดพลังงานไฟฟ้าในภาคเอกชนปี 2566 ถือว่ามีการขยายตัวที่ค่อนข้างสูงมาก ทั้งนี้เนื่องมาจากความต้องการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงการปรับรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไป อันเนื่องมาจากสถานการณ์โรคระบาด ทำให้มีการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ขยับตัวสูงขึ้น อีกทั้งนโยบายสนับสนุนการลงทุนภาครัฐตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าและแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก จึงถือว่าเป็นตลาดการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง ซึ่งสะท้อนไปยังวิสัยทัศน์ของผู้บริหารในตลาดของพลังงานไฟฟ้าอีกด้วย
สุภัทรา รามสูต ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อีตั้น อิเล็คทริค (ประเทศไทย) จำกัด (EATON) ถือเป็นอีกหนึ่งผู้บริหารหญิงในตลาดพลังงานไฟฟ้าในเมืองไทย ซึ่งประวัติของเธอนั้นมีความน่าสนใจอย่างมากเลยทีเดียว สำหรับคุณสุภัทรานั้น ก่อนหน้าที่จะเข้ามาร่วมงานกับ อีตั้น อิเล็คทริค นั้น ก็ได้ทำงานอยู่ในแวดวงพลังงานไฟฟ้ามาตั้งแต่ต้น โดยตัวเธอเองนั้น จบการศึกษาจาก คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ซึ่งถือเป็นรุ่นแรกๆของมหาวิทยาลัยในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งเธอได้มีความตั้งใจตั้งแต่ต้นในการที่จะเข้ามาเรียนในสาขานี้ เพราะเธอมีความสนใจในธุรกิจพลังงานและอุตสาหกรรม ซึ่งเมื่อเรียนจบเธอก็ได้สมัครงานไปยังบริษัทอินเตอร์ขนาดใหญ่ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เธอจึงได้เข้ามาทำงานในธุรกิจพลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มตัว
เนื่องจากบุคลิกเป็นคนที่ชอบท้าทายตัวเองอยู่ตลอดเวลา และพัฒนาตัวเองเสมอจึงทำให้ผลงานเข้าตา จนได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูงเสนอตำแหน่งให้ไปประจำที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งเธอไม่ลังเลที่จะตอบรับ โดยสุภัทราได้ไปประจำอยู่ที่เวียดนามเป็นเวลา 5 ปี พร้อมทั้งสร้างผลงานไว้มากมายที่ประเทศเวียดนามโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านยอดขายรวมไปถึงผลประกอบการที่ดีและเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ซึ่งเธอบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในการทำงานที่ประเทศเวียดนาม ทั้งนี้ต้องมีการปรับตัวในหลายๆอย่างไม่ว่าจะเป็นทางด้านวัฒนธรรมท้องถิ่น หรือความต้องการที่หลากหลายของประชากรในประเทศเวียดนาม
ทั้งนี้เพราะในบางเรื่องสามารถใช้ที่เมืองไทยได้ แต่อาจจะนำมาใช้กับคนที่เวียดนามไม่ได้ เมื่อสุภัทราสามารถขยายตลาดที่ประเทศเวียดนามได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว จึงทำให้ผลงานของเธอไปเข้าตาผู้บริหารของบริษัทอีกครั้ง โดยคราวนี้เป็นการเสนอตำแหน่งใหม่ให้พร้อมกับการไปประจำการที่สิงคโปร์ ซึ่งสุภัทราก็ตอบรับเพราะเป็นคนไม่กลัวการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด อีกทั้งยังเป็นเรื่องน่าสนใจในการเข้ารับตำแหน่งใหม่อีกด้วย
หลังจากที่มาประจำการที่สิงคโปร์ ด้วยตำแหน่งที่สูงขึ้นสุภัทราก็พบเจอเรื่องที่ต้องใช้ความพยายามมากขึ้น เนื่องจากบริษัทได้มีการซื้อกิจการบริษัทเข้ามาอีกหนึ่งบริษัท จึงทำให้หน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเพิ่มมากขึ้น แต่เนื่องจากเป็นคนที่ทำงานแบบไม่มีขีดจำกัดในตัวเองอยู่แล้ว จึงทำให้สามารถก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆได้ รวมไปถึงสร้างผลงานที่โดดเด่นที่สิงคโปร์ในการดูแลตลาดใน 13 ประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ได้อีกด้วยเช่นกัน หลังจากประจำอยู่ที่สิงคโปร์เป็นเวลา 3 ปี ทางผู้บริหารได้มีการตั้งเป้าหมายในการเติบโตในตลาดใหม่ๆ ให้ก้าวทันตามความเปลี่ยนแปลง และมุ่งเน้นในเรื่องของนวัตกรรมในประเทศไทย จึงได้ให้เธอย้ายกลับมาเพิ่มศักยภาพขององค์กรและทีมงานในประเทศไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมทั้งสร้างยอดขายให้เติบโตทั้งในตลาดดั้งเดิมและตลาดใหม่ๆ ซึ่งก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับเธออีกเช่นกัน
โดยการกลับมายังประเทศไทย เธอก็สามารถทำทุกอย่างได้ตามเป้าตามที่คาดหวังไว้ได้อีกด้วย ซึ่งเมื่อบริษัทในไทยเริ่มอยู่ตัวเธอจึงได้รับการทาบทามจาก บริษัท อีตั้น อิเล็คทริค ประเทศไทย (Eaton)ให้เข้ามาเป็นผู้บริหารซึ่งเธอก็ไม่ลังเลที่จะตอบรับ เนื่องจากเป็นคนที่อยากสร้างประสบการณ์ใหม่ๆให้กับตัวเองอยู่แล้ว รวมไปถึงเป็นคนที่ไม่ชอบยึดติดกับคอมฟอร์ทโซนนานเกินไป จึงได้เข้ามาร่วมงานกับ อีตั้น อิเล็ค ทริค ประเทศไทย
ด้วยแนวคิด “Keep Learning” ของสุภัทราในการที่สร้างองค์กรของ อีตั้น อิเล็คทริค ประเทศไทย (EATON) โดยเธอมุ่งหวังที่จะสร้างองค์กรให้ไม่หยุดนิ่ง มีการต่อยอดทางด้านความคิด การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ให้กับพนักงานในทุกระดับ เพราะเธอมองว่าการไม่หยุดนิ่งในการเรียนรู้ พร้อมทั้งพัฒนาตนเองในทุกๆด้าน จะเป็นส่วนผลักดันให้องค์กรแข็งแกร่ง พร้อมทั้งเป็นการสร้างวัฒนธรรมองค์กร ให้มีการพัฒนาในตัวเองอยู่ตลอดเวลา โดยเธอได้อิงจากประสบการณ์การทำงานของตัวเองทั้งในและนอกประเทศมาเป็นเวลาเกือบสามสิบปี ซึ่งเธอเชื่อมั่นว่าหากองค์กรใดไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาไม่ว่าจะในด้านของบุคลากรหรือเทคโนโลยี เธอเชื่อมั่นว่าจะพาให้องค์กรนั้นประสบความสำเร็จได้ รวมไปถึงมีความแข็งแกร่งต่อตัวองค์กรด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ความเป็นผู้หญิงในธุรกิจพลังงานไฟฟ้า ซึ่งมีอยู่น้อยมากที่จะขึ้นมาเป็นผู้บริหารระดับสูงได้ สุภัทรามองว่า ไม่ได้เป็นปัญหาเลยในยุคปัจจุบันเธอกลับมองว่า ทุกอย่างล้วนมาจากความสามารถหากเรามีความสามารถเป็นตัวจริง เรื่องเพศไม่ได้เป็นปัญหาเลยสำหรับการเป็นผู้บริหารหญิงในธุรกิจพลังงาน หรือธุรกิจระดับชาติ นอกจากนี้เธอยังได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่าอยากให้สังคมไทยโดยเฉพาะสถาบันครอบครัว ส่งเสิรมให้เด็กไทยมีความกล้าคิด กล้าแสดงออก และกล้าตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง เพราะเด็กไทยคอนข้างจะมีคอมฟอร์ทโซนจากพ่อแม่ ทำให้ไม่กล้าที่จะตัดสินใจในความต้องการของตนเอง ต่างจากเวียดนามที่ตนเองมองว่าเด็กเวียดนามค่อนข้างกระตือรือร้น และขวนขวายที่จะสร้างความก้าวหน้าให้กับตัวเองเป็นอย่างมาก เธอจึงมองว่าสถาบันครอบครัวก็เป็นสิ่งสำคัญอีกเช่นกัน
สำหรับทาง อีตั้น อิเล็คทริค ประเทศไทย (EATON) ในปีนี้เราเองก็ได้วางแผนที่จะรุกตลาดทางด้าน Green Solution โดยการผลักดันสินค้าที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมออกมาสู่ตลาด โดยมีการมุ่งเน้นอย่างจริงจังและวางขายในตลาดแล้วด้วยเช่นกัน ซึ่งเรามองว่าการที่องค์การจะเติบโตได้เป็นอย่างดี ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เมื่อสังคมอยู่ได้บริษัทของเราก็อยู่ได้เช่นกัน พร้อมกับส่งผลต่อไปอย่างยั่งยืนและสร้างพื้นฐานที่ดีให้กับสังคมและประเทศชาติต่อไปในอนาคต
โดยเธอเชื่อมั่นอย่างแนวแน่ว่าจะสามารถผลักดันองค์กรให้มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืน รวมไปถึงช่วยในการพัฒนาสังคมอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าในวันนี้ทุกอย่างอาจจะยังไม่สมบูรณ์แบบอย่างที่ตั้งเป้าไว้ แต่เธอเชื่อมั่นว่าถ้าคนเราไม่หยุดพัฒนา และไม่หยุดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องความสำเร็จจะต้องมาถึงอย่างแน่นอน ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้หญิงเก่ง ที่เรื่องเพศไม่ได้เป็นตัวฉุดรั้งในศักยภาพของเธอ แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่เธอพาตัวเองมาถึงจุดนี้เกิดจากการพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง และเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ จึงทำให้วันนี้ธุรกิจพลังงานไฟฟ้าจึงได้เปิดประตูต้อนรับ ผู้หญิงเก่งที่ชื่อ สุภัทรา รามสูต ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อีตั้น อิเล็คทริค (ประเทศไทย) จำกัด (EATON) อย่างเต็มภาคภูมิภายใต้การบริหารงานด้วยแนวคิด “Keep Learning”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น