คุณปราริตา นนทะภา ประธานบริหาร บริษัทอัลตร้า ฟิวชั่น จำกัด ผู้ให้บริการศูนย์สุขภาพแบบองค์รวม กล่าวว่า ธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพกำลังเป็นกระแสของทั่วโลก เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด ไนน์ทีน และ สิ่งแวดล้อมที่มีมลภาวะมากขึ้น ทำให้คนส่วนใหญ่มีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ต้องเผชิญกับภาวะ “เสี่ยง เสื่อม ป่วย” ทางบริษัทอัลตร้า ฟิวชั่นฯ จึงเล็งเห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพกายและใจที่ต้องไปพร้อมๆกัน จึงเปิดให้บริการ “ศูนย์สุขภาพแบบองค์รวม” ภายใต้ชื่อ “อัลตร้า ฟิวชั่น” ซึ่งได้มีการนำศาสตร์การบำบัดทางจิต หรือ การสะกดจิต (Hypnosis) มาประกอบการดูแลสุขภาพใจ โดยร่วมมือทางวิชาการกับสมาคมสร้างสรรค์พัฒนาจิตใต้สำนึกแบบองค์รวม และ การนำอาหารฟิวชั่น ซึ่งมีเมนูใหม่ๆ เพื่อสุขภาพ โดยนำแม่ครัวจากโรงพยาบาลเอกชนมาสร้างสรรค์เมนูด้วย เพื่อให้ผู้ใช้บริการศูนย์สุขภาพแบบองค์รวมมีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดี
“แนวคิดของบริษัทอัลตร้าฟิวชั่นมองว่า สุขภาพเป็นอะไรที่สำคัญมากสำหรับทุกคน ผสมผสานกับวิธีธรรมชาติในการรับประทานอาหารคลีน เพราะระบบเผาผลาญ เม็ดตาบอลิซึ่มจะสำคัญมาก ในร่างกายของมนุษย์เรา การทานมื้อเช้า จนถึงมื้อเย็น มีผลต่อสุขภาพแบบองค์รวม ทางศูนย์สุขภาพแบบองค์รวม จึงมีเมนูอาหารเพื่อสุขภาพให้ผู้ใช้บริการได้ทานอาหารที่เหมาะกับร่างกาย และที่สำคัญยังมีการนำศาสตร์การบำบัดด้วยการสะกดจิตมาใช้ดูแลผู้ใช้บริการศูนย์สุขภาพแบบองค์รวมด้วย ซึ่งเรื่องการสะกดจิตเพื่อการบำบัดนั้น ในประเทศไทยยังไม่ได้รับการเปิดเผยอย่างเป็นทางการมาก แต่ในต่างประเทศ จะใช้การสะกดจิตเป็นหลักในการบำบัดฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ ซึ่งเห็นผลดี นอกจากนี้ในการมาพบเราที่ศูนย์สุขภาพฯ ผู้ใช้บริการจะพบกับบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ตั้งแต่มีพื้นที่สีเขียว พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการอย่างเป็นกันเอง รวมทั้งมีบริการนวดแผนไทยไว้รองรับผู้มาใช้บริการด้วย” คุณปราริตา กล่าว
สำหรับผลตอบรับจากผู้มาใช้บริการศูนย์สุขภาพองค์รวม “อัลตร้า ฟิวชั่น” ภายใต้การดูแลของบริษัทอัลตร้า ฟิวชั่น จำกัด พบว่า ผู้มาใช้บริการจำนวนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 มีภาวะการนอนหลับได้ดีขึ้น มีความผ่อนคลายทั้งทางด้านจิตใจและร่างกาย ทำให้ปัจจุบันกลุ่มผู้ใช้บริการมาจากทุกสาขาอาชีพ อาทิ ข้าราชการทหารและตำรวจ รวมไปถึงนักธุรกิจ โดยธุรกิจศูนย์สุขภาพแบบองค์รวมนี้ เป็นการดำเนินธุรกิจที่สอดรับกับนโยบายของภาครัฐ ในการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่ความเป็น “ศูนย์กลางทางการแพทย์” (Medical Hub)
จากข้อมูลศูนย์วิจัยกรุงไทย คอมพาส (Krungthai Compass) ธนาคารกรุงไทย ระบุว่า ไทยมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ หรือ เมดิคอล ฮับ โดยมีองค์ประกอบสำคัญ 4 ข้อ ได้แก่ 1.ศูนย์กลางการบริการทางการแพทย์ 2.ศูนย์กลางบริการเพื่อส่งเสริมสุขภาพ 3.ศูนย์กลางยาและผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ และ 4.ศูนย์กลางการบริการวิชาการและงานวิจัย
ทั้งนี้ ในส่วนเวชศาสตร์ฟื้นฟูสภาวะเสื่อมหรือ การแพทย์เชิงฟื้นฟูเป็นการแพทย์สมัยใหม่ที่มุ่งเน้นการทดแทน การซ่อมเสริม การฟื้นฟูเซลล์และเนื้อเยื่อ รวมถึงอวัยวะที่ได้รับบาดเจ็บ หรือ เสื่อมถอยจากอายุที่มากขึ้น โดยคาดว่าในปี 2564 จะมีมูลค่าในตลาดโลกเพิ่มขึ้น 2.5 เท่า จากปี 2562 โดยแตะระดับ 7.68 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 307.2 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย 19.8% ต่อปี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น