
The Living Art Gallery ณ โครงการบลูทรี ภูเก็ต ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งนับเป็นการเปิดตัวแกลเลอรี่แห่งแรกของประเทศไทย ที่ได้รวมงานศิลปะทุกแขนงจากทั่วทุกภาคของไทย เพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตอย่างมีไลฟ์สไตล์ ไปกับการเสพงานศิลป์ และเพื่อเตรียมรองรับการจัดงานเฟสติวัลใหญ่แห่งปีของจังหวัดภูเก็ต นั่นคือ The Living Art Festival 2020 ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 26-29 พฤศจิกายน 2563 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวไทยผ่านการประชาสัมพันธ์งานศิลปะของไทย งานคราฟท์ งานออกแบบ และวัฒนธรรมด้านอาหาร โดยมีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB เป็นผู้สนับสนุนหลักในการจัดงาน
เริ่มเปิดงานด้วยการกล่าวต้อนรับจากตัวแทนของโครงการบลูทรี ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานและเป็นที่ตั้งของ The Living Art Gallery ต่อมาเป็นคำกล่าวของ อ้อม สรณ์ฉัตร ไกรนรา ซีอีโอและเจ้าของงานเทศกาล ที่พูดถึงวัตถุประสงค์ในการเปิดตัวของ The Living Art Gallery ที่จะเป็นเวทีของศิลปินไทย ได้แสดงงานของพวกเขาให้ทั่วโลกได้เห็นถึงฝีมือคนไทย อีกทั้งยังเมีโอกาสที่ได้ร่วมงานกับนานาชาติอีกด้วย ในขณะเดียวกันก็ยังจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระจายรายได้สู่ชุมชนภายในประเทศ โดยสนับสนุนการทำงานของศิลปินไทย รวมถึงการร่วมกันพัฒนางานหัตถกรรมพื้นถิ่นระหว่างนักออกแบบและชุมชนเพื่อเพิ่มมูลค่าทางการตลาดสู่ระดับนานาชาติ
จากนั้นจึงเป็นคำกล่าวของ จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ TCEB ที่กล่าวถึงการที่ศิลปินไทยจะมีเวทีการแสดงงานเพื่อเป็นสินค้าทางการตลาด และสามารถสร้างรายให้กับตัวเองอีกทั้งยังกระจายรายได้สู่ชุมชุน จนทำให้เกิดความยั่งยืนเป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้อีกด้วย จากนั้นเป็นพิธีการกล่าวเปิดงานโดยผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ณรงค์ วุ่นซิ้ว ที่กล่าวว่า The Living Art จะเป็นอีกหนึ่งแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจภูเก็ต ส่งเสริมบรรยากาศและกระตุ้นการท่องเที่ยวให้ฟื้นกลับมาโดยเร็ว
ภายในแกลเลอรี่ได้ถูกออกแบบตกแต่งโดย วสุรัชต อุณาพรหมผู้อำนวยการด้านงานศิลป์ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเมืองภูเก็ตที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม จึงรังสรรค์พื้นที่ในแกลเลอรี่เป็น 4 โซน คือ โซนที่ 1 เป็นวัฒนธรรมแบบเพอรานากัน หรือ บาบ๋า-ย่าหยา ที่ยังมีให้เห็นกันอยู่มากในเมืองภูเก็ต โดยโซนนี้มีผลงานการทอมือจากศิลปิน อวิกา สมัครสมานที่ได้แรงบันดาลใจมาจากบ้านสไตล์เพอรานากันในเมืองเก่าของภูเก็ต โดยการสร้างเฟรมและโครงสร้างเป็นกี่สำหรับทอชิ้นงาน แล้วมาประกอบเป็น ประตู หน้าต่าง ช่องลม และอื่นๆ เพื่อแสดงถึงบ้านแบบเพอรานากัน
นอกจากนี้ยังมีภาพเขียน และ ชิ้นงานอื่นๆจากศิลปินอีกหลายท่าน อาทิ สุนิสา อัศวินรุ่งโรจน์ศิลปินผู้มีความทรงจำที่ดีกับกระต่ายแสนรักที่จากไป จึงถ่ายทอดออกมาเป็นภาพชุดกระต่ายน้อยแต่งกายสีสันงดงามตามแบบฉบับของชาวภูเก็ตดั้งเดิม ที่ใช้ฝีมือในการปักผ้าอย่างวิจิตรบรรจง , รุ่งชีวัน คำวิชิต ดีไซน์เนอร์ผ้ามัดย้อม ผู้ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติรอบตัวในการทำให้เกิดลวดลายต่างๆบนผ้ามัดย้อม โดยการใช้เทคนิคแบบชิโบริเข้ามาผสม , ศราวุธ ยาสมุทรศิลปินภาพวาดสีน้ำมันผู้มีแนวคิดในแต่ละช่วงเวลาของชีวิตผ่านธรรมชาติและสิ่งมีชิตที่เข้ามากระทบจิตใจ จึงเป็นผลแสดงอารมณ์ภายในผ่านสีและทีแปรงที่ฉับไว โดยได้รังสรรค์งานให้ The Living Art เป็นธีม เพอรานากัน ชื่อภาพ สาวภูเก็ต ที่แต่งตัวในสไตล์ บาบ๋า-ย่าหย๋า และมีแบล็คกราวน์เป็นดอกไม้หลากสีสันสวยงาม , องค์กร ศิลปางค์กุล ศิลปินภาพวาดสีน้ำมัน ที่ได้รังสรรค์ภาพวาดเป็นแนวแฟนตาซีที่เกิดจากจินตนาการของตนเอง เป็นผู้หญิงสวมหน้ากากรูปม้าทะเล และมังกร เพื่อสื่อให้เห็นถึงความสวยของผู้หญิงต้องมาจากข้างใน ไม่ใช่รูปลักษณ์ภายนอกที่มองเห็น
โซนที่ 2 เป็น Forest หรือป่า ซึ่งในภูเก็ตมีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ป่าเขาอันเขียวขจี โดยมีผลงานของศิลปินที่อยู่ในโซน อาทิ ลิขิต ตันอุตม์ ศิลปินน้องใหม่ไฟแรงจากเชียงใหม่ ผู้มีฝีมือในการวาดลายเส้นอันเฉียบคม โดยอาศัยความเป็นธรรมชาติของถิ่นที่อาศัยเมื่อวัยเยาว์เป็นแรงบันดาลใจสำหรับคอลเลคชั่นชุด “ลายเส้นสร้างสรรค์จากจินตนาการและธรรมชาติ” , อาจารย์สมลักษณ์ ปันติบุญ ที่นับว่าเป็นปรมาจารย์ของงานปั้นดินเผาที่รู้จักกันในนาม ดอยดินแดง อยู่จังหวัดเชียงราย , อาจารย์ชัยฤทธิ์ ศรีสง่าสมบูรณ์ ศิลปินสีน้ำผู้วาดภาพแนวธรรมชาติเสมือนจริงราวกับภาพถ่ายซึ่งอาจารย์ได้วาดภาพดอกบัวที่กำลังจะแย้มบานอยู่ในบึงบัวที่มีทั้งนกและแมลงปอที่ต่างอาศัยธรรมชาติหล่อเลี้ยงชีวิต โดยให้ชื่อภาพนี้ว่า สัมพันธภาพในบึงบัว , พระนาย เกษมถาวรศิลป์ ศิลปินภาพวาดผู้ต้องการสื่อถึงความละเอียดอ่อนของวัฒนธรรมที่พบได้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ การเสริมความงามของชาวพม่าและชนเผ่าต่างๆ บริเวณชายแดนฝั่งตะวันตกของไทย ด้วยแป้งทานาคา
โซนที่ 3 เป็น Blue Ocean ความเป็นท้องทะเลฝั่งอันดามันทางภาคใต้ของไทย ที่มีสีฟ้าสดใสงดงาม ซึ่งถ้ามาชมงานศิลป์ที่ภูเก็ตแล้วไม่ได้มาสัมผัสความเป็นทะเลอันดามันถือว่าการชมงานนั้นยังไม่สมบูรณ์แบบ ซึ่งโซนนี้ประกอบไปด้วยศิลปิน กุลเชษฐ์ ขาวไชย มหาศิลปินภาพวาดสีน้ำมันและอะคริลิก ผู้ซึ่งนำภาพความสวยงามและสีสันของสิ่งมีชีวิตต่างๆในท้องทะเลมาผสมผสานกับรูปทรงสรีระของหญิงสาว สร้างสรรค์เป็นแนวแฟนตาซี เพื่อแสดงถึงการอยู่ร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ , พิชุภา โสภโณวงศ์ ศิลปินผู้ที่หลงใหลในเสน่ห์แห่งท้องทะเล รักการดำน้ำเป็นชีวิตจิตใจ เพื่อค้นหาความสวยงามของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น ปลาวาฬ ปลากระเบน หรือเต่าทะเล อีกทั้งตัวทากทะเล แล้วบันทึกไว้ในความทรงจำ จากนั้นจึงถ่ายทอดออกมาเป็นภาพวาดสีน้ำทั้งบนกระดาษอาร์ตและบนจานเซรามิค รวมทั้งงานปั้นต่างๆอีกด้วย
และโซนที่ 4 เป็นพื้นที่จัดการแสดง โดยสองสาวไทย โดโจ ซารีน่า และ อ้อ นพวรรณ สองศิลปินผู้ผ่านเวทีระดับนานาชาติมาแล้วทั้งนั้น โดยได้แสดงให้เห็นถึง“การอยู่ในสังคมแบบที่ไม่สามารถเปิดเผยตัวเองได้ต้องเก็บงำทุกสิ่งทุกอย่างไว้กับตัว จึงถ่ายทอดออกมาเป็นการแสดงโดยสื่อสารผ่านทางอารมณ์และความรู้สึก
นอกจากนี้ ในแกลเลอรี่ยังมีเฟอร์นิเจอร์อีกหลายชิ้นที่เข้าธีมในแต่ละโซน อาทิ แบรนด์ดังอย่าง Deesawatซึ่งเป็นความร่วมมือของดีไซน์เนอร์ต่างชาติและคนไทย ที่ร่วมกันออกแบบได้อย่างเก๋ไก๋และมีสไตล์ อีกทั้งแบรนด์ Moonler ซึ่งเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้คุณภาพสูง รวมทั้งดีไซน์เนอร์สาว ดุจจันทร์ จริตงาม ซึ่งออกแบบจิวเวลรี่เป็นคอลเลคชั่นชุด ผีเสื้อ ซึ่งเข้ากันกับโลโก้ของ The Living Art ซึ่งมีความหมายถึง อิสสระในการโบยบิน และการเกิดใหม่ที่สวยงามขึ้นทุกครั้ง สำหรับแฟชั่นกระเป๋าและจิวเวลรี่อื่นๆก็มีให้ชมมากมายจากดีไซน์เนอร์ รดา รัทเก้, ณัฐวุฒิ อินทรกำเนิด และ นฤพนธ์ แสงบุญเรือง แห่งกระรัต จิวเวลรี่
The Living Art Gallery ยังได้นำเทคโนโลยี ระบบ VR (Virtual Reality) และระบบ AR (Augmented Reality) ในการนำเสนองานแสดงศิลปะและงานฝีมือทุกแขนง เพื่อส่งเสริมการประชาสัมพันธ์และการตลาดในระดับสากลอีกด้วย
The Living Art Gallery ยังได้นำเทคโนโลยี ระบบ VR (Virtual Reality) และระบบ AR (Augmented Reality) ในการนำเสนองานแสดงศิลปะและงานฝีมือทุกแขนง เพื่อส่งเสริมการประชาสัมพันธ์และการตลาดในระดับสากลอีกด้วย
การเปิดตัว The Living Art Gallery ในครั้งนี้ นอกจากจะได้รับการสนับสนุนหลักจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และTCEB แล้ว ยังมีพันธมิตร อย่าง โครงการบลูทรี ภูเก็ต, True Digital, สายการบินเวียดเจ็ต, Love Andaman, Villa Enjoy, Villa MoMo, บ้านอาจ้อ, NowTravelAsiaและอื่นๆ
The Living Art ณ โครงการบลูทรี ภูเก็ต เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ตั้งแต่เวลา 15.00-22.00 น. หรือสามารถเข้าไปชมแกลเลอรี่ผ่านระบบ VR เสมือนจริง ได้ที่เว็บไซต์ www.thelivingartsthailand.comหรือสนใจเข้าชมเป็นหมู่คณะ โปรดนัดล่วงหน้าที่โทร 065 926 9455 หรืออีเมล: info@thelivingartsthailand.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น