องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) สังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เปิดบ้านพาชม “ศูนย์บริหารคลังตัวอย่างทางธรรมชาติวิทยาและสตัฟฟ์สัตว์” หวังปลูกฝังแนวคิดให้คนไทยร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่า และเสริมสร้างความตระหนักทางวิทยาศาสตร์และธรรมชาติวิทยาแก่ประชาชนในวงกว้าง เพื่อให้เกิดความยั่งยืนและการเรียนรู้ของคนในสังคม พร้อมทั้งเจาะลึกเรื่องราวการทำ Taxidermy ถือเป็นศูนย์ที่เชี่ยวชาญการสตัฟฟ์สัตว์ที่มีความพร้อมและสมบูรณ์ที่สุดในอันดับต้นๆ ของประเทศไทย
ดร.นพรัตน์ เทพเทพา
ผู้อำนวยการสำนักวิชาการพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา อพวช. เปิดเผยว่า อพวช.
เป็นหน่วยงานซึ่งมีภารกิจหลักในการสร้างความตระหนักด้านวิทยาศาสตร์
โดยมีศูนย์บริหารคลังตัวอย่างทางธรรมชาติวิทยาและสตัฟฟ์สัตว์
เป็นศูนย์กลางของการศึกษาวิจัยด้านธรรมชาติวิทยาของประเทศไทยและประเทศใกล้เคียง
อีกทั้งยังเป็นศูนย์จัดแสดงนิทรรศการความหลากหลายทางชีวภาพ
ซึ่งมีการสตัฟฟ์สัตว์เพื่อการเก็บรักษา
และจัดแสดงผ่านตัวอย่างสัตว์สตัฟฟ์เกือบทุกกลุ่ม
ซึ่งการสตัฟฟ์สัตว์เป็นการใช้เทคนิคทางวิทยาศาสตร์ผสมผสานกับศิลปะทำให้สัตว์ที่ตายแล้วมีท่าทางเสมือนสัตว์เหล่านี้ยังมีชีวิตในอิริยาบถที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด
เพื่อใช้สำหรับการจัดแสดงนิทรรศการ
พร้อมทั้งใช้เป็นตัวอย่างอ้างอิงทางวิชาการและศึกษา วิจัย ให้กับบุคคลทั่วไป
ซึ่งทาง อพวช. ถือเป็นหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านการสตัฟฟ์สัตว์อันดับต้น ๆ ของประเทศ
ที่มุ่งมั่นทำการศึกษาและพัฒนาด้านนี้อย่างจริงจังมาโดยตลอดและเป็นที่ยอมรับระดับประเทศอีกด้วย
“การสตัฟฟ์สัตว์ หรือ Taxidermy เป็นการใช้เทคนิคทางวิทยาศาสตร์ผสมผสานกับศิลปะ
เพื่อให้ผลงานออกมาเสมือนจริงมากที่สุด โดยเฉพาะกายวิภาคเฉพาะของสัตว์ชนิดนั้นๆ
ที่ใช้ในการคงสภาพร่างกายสัตว์หลังจากเสียชีวิตไปแล้ว ให้เก็บรักษาอยู่ได้นาน
และยังคงลักษณะของสัตว์ไว้ได้เหมือนเดิมทุกประการ
ซึ่งจะต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างดี ไม่ให้ชำรุดเสียหาย จากความร้อน ความชื้น
แมลง เชื้อรา หนูและแมลงสาบ ที่อาจทำความเสียหายต่อสัตว์สตัฟฟ์ได้
รวมถึงการตกแต่งลักษณะภายนอกให้ครบสมบูรณ์ ถูกต้อง และสวยงาม
เหมือนกับการได้ชุบชีวิตสัตว์ตัวหนึ่งที่เสียชีวิตไปแล้วกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง”
ที่ผ่านมา อพวช. ได้ทำการสตัฟฟ์สัตว์มาอย่างต่อเนื่อง มีจำนวนกว่า 478 ตัว อาทิ เสือโคร่ง ยีราฟ ม้าลาย จระเข้ ปลาช่อนอเมซอน ฯลฯ ซึ่งได้รับความร่วมมือทั้งจากภาครัฐและเอกชน เช่น องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ อุทยานหินล้านปีและฟาร์มจระเข้ พัทยา และโรงพยาบาลสัตว์ เป็นต้น ซึ่งได้นำสัตว์ที่เสียชีวิตแล้วมาให้ทางเราดำเนินการต่อแทนที่จะต้องสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่าไป
“เราสามารถชุบชีวิตสัตว์ที่ตายไปแล้วให้กลับมาเหมือนมีชีวิตอีกครั้ง เพื่อนำมาจัดแสดงนิทรรศการให้ประชาชนได้ศึกษาเรียนรู้ ถือเป็นประโยชน์และมิติใหม่ของแนวทางการจัดนิทรรศการด้านธรรมชาติวิทยาของประเทศไทยและกลายเป็นสมบัติของประเทศชาติต่อไป และสิ่งสำคัญคือการได้สร้างการรับรู้ถึงบทบาทของ อพวช. ในด้านนี้ เพื่อหวังสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กและเยาวชนที่มีความสนใจเรื่องวิทยาศาสตร์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นแนวทางสู่เส้นทางสายอาชีพของการเป็นนัก Taxidermist สำหรับเยาวชนในอนาคตต่อไป”
ซึ่งในครั้งนี้ อพวช. ได้เปิดโอกาสพิเศษให้สื่อมวลชนได้ชมการสาธิตวิธีการสตัฟฟ์ปูแสม และฝึกปฏิบัติเพ้นท์สีปูแสมและการทำถิ่นที่อยู่อาศัยจำลองของปูแสม พร้อมพาชมสถานที่ทำงานของนัก Taxidermist และเรียนรู้วิธีการเก็บรักษาหนังสัตว์ด้วยวิธีการฟอกหนัง บอกเล่าเทคนิคการปั้นหุ่นสัตว์ หล่อหุ่นสัตว์และการทดลองคลุมหนังสัตว์ พร้อมพาชมห้องคลังตัวอย่างที่เก็บสัตว์สตัฟฟ์เอาไว้มากมายสำหรับการศึกษาวิจัยอีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น